Backpack เที่ยวภูกระดึง 2 วัน 1 คืน

เพื่อนๆที่รักการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติผมมีสถานที่นึงมาแนะนำนั้นคือภูกระดึงตั้งอยู่จังหวัดเลย ผมไปมาช่วงเดือนพฤศจิกายน 2557 ช่วงนี้เป็นช่วงที่ป่ากำลังอุดมสมบูรณ์เลย ไม่ค่อยร้อน ถ้าเพื่อนๆอยากไปแนะนำไปช่วยนี้จะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นในช่วงเดือนนี้

เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 พฤษภาคม ของทุกปี
ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน ของทุกปี

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าทริปนี้เป็นทริปที่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ผมกับครอบครัวเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่มุ่งหน้ามายังจังหวัดเลยเป้าหมายคือภูกระดึง ผมถึงภูกระดึงประมาณบ่าย 2 ด้วยความที่ไม่รู้เลยจริงๆว่าควรเตรียมตัวยังไงบ้าง ไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการขึ้นไปบนภู เจ้าหน้าที่บอกว่าปิดแล้วไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นแล้ว ถ้าจะขึ้นต้องเป็นอีกวันก็คือพรุ่งนี้ตอน 07.00 น. เริ่มขึ้นได้เลย ทีนี้แผนที่วางไว้ทั้งหมดว่าจะขึ้นไปบนภูและนอนค้างคืนวันนี้ก็ล่มไปโดยความเซงๆ ผมกับครอบครัวก็เลยออกมาจากอุทยานมาหาที่พักข้างนอกเพื่อที่จะเตรียมตัวขึ้นภูพรุ่งนี้

เช้าของวันผมออกจากที่พักตั้งแต่เช้ามืดเลยมาถึงอุทยานเวลาประมาณ 07.00 น. เตรียมสัมภาระแยกกระเป๋าประมาณ 4 ใบ ตรงนี้จะขอบอกกับเพื่อนๆก่อนนะครับว่าระยะทางขึ้นไปยังจุดบนสุดของภูกระดึงระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรเป็นทางชัน ใช้เวลาในการเดินทาง 8-9 ชั่วโมง สำหรับคนที่เดินช้า แต่สำหรับคนที่เดินไวหน่วยใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงครับการเตรียมตัวควรเจรียมน้ำไปอย่างเดียวก็พอนะครับ ขนม อาหาร ไม่ต้องเตรียมไปด้านบนแต่ละจุดจะมีร้านค้าให้ซื้อทุกจุดเลย

เพราะฉะนั้นแล้วอุปกรณ์สัมภาระแนะนำควรจ้างให้ลูกหาบนำขึ้นไปให้เราครับ แต่นะแต่ถ้าใครไหวลองดูก็ได้แบกขึ้นไปเอง แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครแบกกระเป๋าหนักๆขึ้นไปแน่นอน ฮ่าๆ หลังจากที่กระเป๋ากับลูกหาบเสร็จก็ไปลุยกันเลย

ผมเริ่มเดินขึ้นตั้งแต่ 07.30 น. ทางขึ้นก็จะมีไม้ท้าวให้เลือกจะหยิบมา 2 อันก็ได้อันเดียวก็ได้แล้วแต่ถนัด ไม้จะเป็นตัวช่วยสำคัญเลยแหละให้เราขึ้นไปทุกจุดสูงสุด ไม้ท้าวนี้คนที่นี่เค้าเรียกว่า “ผู้ช่วยผู้พิชิต” ส่วนผมหยิบมาอันเดียวเพราะอีกมือต้องถือกล้องถ่ายรูปไปด้วย

กิโลเมตรแรกที่เดินไปอาการความเหนื่อยล้ายังเล็กน้อย ไม่ถึงกับเหนื่อยมากบวกกับอากาศช่วงเช้าๆไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่ยังเดินชิวๆไปได้เรื่อยๆ แต่ผู้ร่วมทางนี้สิครับกิโลเมตรแรกก็ร่วงซะแล้ว ยอมถอดใจขอกลับไปนอนด้านล่างหลายคนเลยครับ อย่างที่ผมบอกถ้าไม่ได้เตรียมร่างกายมาดีๆ ขึ้นไม่ไหวแน่ๆ

ร้านค้าที่นี่มีทุกสิ่งให้เราเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ผลไม้ ขนม ข้าวของเครื่องใช้ส่วนราคาจะแพงขึ้นตามความสูงนะครับ ที่แพงตามความสูงของภูเพราะว่าการขนส่งยิ่งสูงยิ่งแพงครับ กินอิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อเลย

จากทุกๆจุด ซำแคร่ ซึ่งเป็นสุดท้ายที่โหดมากเราจะต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ชันมากๆมีแต่โขดหิน หลังจากนี้จุดนี้ก็จะเจอแต่ทางที่ลำบาก ท่องไว้นะครับ จุดหมายของเราคือ หลังแป หลังแป

เพื่อความเข้าใจนะครับจุดซำแคร่จะเป็นจุดพักสุดท้าย

เส้นทางที่เดินขึ้นหลังจากซำแคร่ก็จะมีแต่โคนหินทางชันเส้นนี้ต้องระวังกันให้ดีนะครับอาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางได้ เป็นเส้นสุดท้ายที่อันตรายที่สุด

หลังแป ก็จะเป็นจุดที่ถือว่าสิ้นสุดแล้วสำหรับทางลาดชัน จุดนี้ก็จะเป็นจุดที่เค้านิยมถ่ายรูปกันจะมีป้ายเขียนว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” แต่เดี๋ยวก่อน จุดบริการนักท่องเที่ยว ยังต้องเดินไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร นะครับ แต่ก็ดีหน่อยทางเป็นพื้นราบเดินสบายๆ ถือว่าผ่อนกำลังก่อนถึงจุดพัก

มาถึงที่พักก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเช่าเต็นท์ ส่วนใครที่ไม่ได้หมอน ถุงหนอนมาเองจะมีบริการให้เช่าแผ่นปูรองนอน หมอน ผ้าห่ม ช่วงเราต้องรีบจัดการกับที่พักของเราให้เสร็จเพราะว่าจะต้องออกเดินทางเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ ผาหมากดูก ช่วงที่ผมไปยิ่งเย็นยิ่งหนาว อากาศจะเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ไปถึงประมาณ 10-12 องศา ต้องทำเวลากันแน่ แต่ผมแนะนำว่าให้เช่าจักรยาน ถ้าเดินเกรงว่าจะไปไม่ทัน

ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวจะมีเส้นทางเดินเท้าบนภูกระดึงให้นะครับ
อยากไปจุดไหนก็ต้องคำนวณเวลากันเอาเอง

หลังจากจัดการเรื่องเต็นท์เสร็จ ผมก็มุ่งหน้าไปยังร้านเช่าจักรยานก่อนเลย ราคาผมจำไม่ได้จริงๆว่าเช่าหนึ่งวันราคาเท่าไหร่

ต้องขอบอกเลยว่าไปครั้งนี้ผมเที่ยวไม่หมดทุกจุดจริงๆครับ เพราะเวลาที่ไปผมอยู่ที่นี่เพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น จุดหลักๆที่ผมไปก็คือ ผาหมากดูก แต่เสียดายไปถึงผาหมากดูกในวันที่ฟ้าปิดพอดีเลยไม่ได้เก็บบรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยๆมาฝากกัน

หลังจากเที่ยวมาหมดแล้วก็กลับมาที่เต็นท์ครับ ภายในบริเวณที่พักก็จะมีร้านอาหารเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง บลาๆ มีเยอะไปหมด แล้วถ้าใครอยากจะปิ้งย่างก็จะมีชุดปิ้งย่างให้เลย เป็นหมูกะทะแต่ราคาก็จะแพงหน่อย

ตื่นมาตอนเช้าก็ของอีกวัน จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ใกล้ที่สุดจากวังกวาง ถือว่าไม่มาไม่ได้เหมือนกันหากมาเที่ยวภูกระดึง อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวจะเห็นทะเลหมอกสวยงามมาก ถ้ารอเวลาจนพระอาทิตย์ขึ้นสูงก็จะเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างของผานกเค้า ในเส้นทางนี้ถ้าจะไปควรมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทางไปนะครับ เพราะเส้นนี้เป็นเส้นที่ช้างป่าเดินครับ หลังจากนี้ก็จะขาลงละครับผมกลับไปยังจุดบริการนักท่องเที่ยวคืนอุปกรณ์สัมภาระที่เช่ามาทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่แล้วเดินลง

ในช่วงเช้าเราจะเห็นลูกหาบเข็นรถเข็นส่งเสบียงขึ้นมาบนภูอย่างต่อเนื่อง ก่อนลงจากภูกระดึงใครที่ยังไม่ได้ถ่ายตรงป้าย “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” ให้ถ่ายภาพนี้เก็บไว้เป็นความทรงจำเลยนะครับ เอาไว้เป็นสักขีพยานใน ความพยายาม และความรู้สึกทั้งหมดที่คุณมีต่อภูกระดึง ว่ามันยากลำบากแค่ไหนกว่าจะขึ้นมาได้ บันทึกนี้อาจจะไม่ละเอียดมากนะครับแต่ก็ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งผมเคยพิชิตภูกระดึงมาแล้วและถ้ามีโอกาสขอกลับไปเก็บรายละเอียดอีกครั้ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *